EP.0 – Sendai

เซนได (Sendai) 1 ในเมืองหลักของภูมิภาคโทโฮคุ เต็มไปด้วยการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งด้านธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ทะเล ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงการเดินช้อปปิ้งตามย่านการค้าก็ไม่ได้น้อยหน้าเมืองอื่น ๆ เลยครับ
และสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเดินทางในครั้งนี้คือการไปชมดอกซากุระบาน (Cherry Blossom Bloom) และอาหารประจำถิ่นคือลิ้นวัวและถั่วแระซุนดะนั่นเองครับ

ทริปชมซากุระเซนไดเมื่อเดือนเมษายน 2024 ที่ผ่านมา เราวางแผนจองตั๋วเครื่องบินและที่พักล่วงหน้า 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมเลยครับ ด้วยข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้เราสามารถไปได้แค่ช่วงหยุดยาวกลางเดือนเมษายนหรือสงกรานต์ของไทยเรานั่นเอง เพราะเป็นช่วงเวลาที่ซากุระนั้นบานเต็มที่ (Full bloom) พอดิบพอดีเลยครับ

..ในทริปนี้นอกจากเงินสดที่แลกไปแล้ว เราใช้บัตรท่องเที่ยวต่างประเทศของธนาคารหนึ่ง บอกเลยว่าตอบโจทย์มาก ๆ เลยครับ..

เราออกเดินทางในค่ำวันที่ 11 เมษายน เนื่องจากไม่มีเครื่องบินตรงไปที่เซนได เราจึงต้องเดินทางไปต่อเครื่องที่ปักกิ่งก่อนที่จะไปลงเครื่องที่สนามบินเซนไดในวันที่ 12 เมษายน เวลาประมาณ 14:30 น. อากาศค่อนข้างเย็นครับ เรานั่งรถไฟ JR จาก Sendai Airport Station ไปที่ Sendai Station สถานีขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่พักของเราอยู่ทาง East Exit ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีจากสถานีกลางครับ

Sahura (Cherry Blossom)
ซากุระต้นแรกที่เห็น อยู่บริเวณใกล้ ๆ กับที่พักเลยครับ สวยมาก ตื่นเต้นมาก ๆ ครับ

หลังจากทานราเมนเป็นมื้อแรกของวันเสร็จแล้ว เราใช้เวลาช่วงค่ำไปกับการเดินดูเส้นทางรอบ ๆ เมือง พร้อมกับเดินเข้าไปชมซากุระในสวนสาธารณะ Nishikicho Park

ถึงแม้ซากุระที่สวนนี้จะไม่ได้บานเต็มที่หรืออาจจะร่วงไปแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังบานอยู่ บวกกับอากาศเย็น ๆ พร้อมกับความเงียบสงบของเวลาค่ำคืนในสวนแห่งนี้ก็สามารถทำให้รู้สึกถึงความโรแมนติกเล็ก ๆ ให้กับผู้คนที่เดินเข้ามาได้เป็นอย่างดีครับ

ต้นซากุระที่เริ่มร่วงไปบ้างแล้วบางส่วน ณ สวน Nishikicho Park ยามค่ำคืน
บรรยากาศยามค่ำคืนของตัวเมือง Sendai ครับ ดีมาก ๆ เดินเล่นสบาย ๆ เลยครับ

แค่เพิ่งมาถึงตอนบ่าย ๆ เราก็เดินไปทั้งหมดประมาณ 18,300 ก้าว ระยะทางรวม 14.1 กิโลเมตรเลยครับ

EP.1 – Funaoka Day

วันที่ 13 เมษายน วันนี้เป็นวันที่เราแพลนกันไว้ว่าจะออกเดินทางไปชมซากุระ 1000 ต้นที่ Funaoka เราออกเดินทางลงไปทางใต้จาก Sendai Station ไปถึง Funaoka Station ประมาณ 9:00 น.

เมื่อก้าวออกจากสถานีสิ่งที่เราพบคือซากุระ Full Bloom 100% สวยมาก ๆ ครับ (ขอบอกตรง ๆ ว่าไม่รู้จะอธิบายหรือถ่ายภาพออกมาแบบไหนถึงจะเหมือนที่รู้สึกและมองเห็นได้จริง ๆ ครับ) เราใช้เวลาอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่งเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เริ่มเดินตามเส้นทางที่วางแผนไว้คือเราจะเริ่มเดินตามริมแม่น้ำ Shiroishi River ไปจนถึง Funaoka Castle Ruins Park

ริมแม่น้ำ Shiroishi River ขนาบข้างด้วยรางรถไฟ JR สาย Tohoku line และต้นซากุระที่เรียงรายทอดยาวตามริมแม่น้ำไป เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ซากุระจะ Full Bloom ทำให้สถานที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย แต่ก็ทำให้บรรยากาศการชมซากุระเต็มไปด้วยความครึกครื้น

นอกจากการเดินชมแล้ว ยังมีผู้คนออกมาปั่นจักรยาน พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น หรือแม้กระทั่งมานั่งปิกนิก และเมื่อมีรถไฟวิ่งผ่านก็พัดพาซากุระให้ร่วงโรย เป็นบรรยากาศที่โคตรญี่ปู๊นญี่ปุ่น มาก ๆ เลยครับ ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้ครบจริง ๆ

ซากุระริมแม่น้ำ Shiroishi River ที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขา Zao
รถไฟ JR สาย Tohoku Line กำลังเคลื่อนผ่านซากุระริมทางก่อนเข้าสถานี Funaoka Station
Shiroishi River ที่มองเห็น Funaoka Castle Ruins Park ทางด้านซ้าย

เมื่อเดินตามริมแม่น้ำ Shiroishi River มาจนถึง Shibata Sen-oh Bridge ไฮไลต์จุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่สามารถมองเห็นเทือกเขา Zao ที่ยังพอมีหิมะปกคลุมอยู่ อีกทั้งยังเป็นจุดข้ามไปยัง Funaoka Castle Ruins ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมซากุระขึ้นชื่อของเมืองนี้อีกด้วย

สะพาน Shibata Sen-oh Bridge
รถไฟ JR สาย Tohoku Line จากจุดชมวิวด้านบน

เมื่อข้ามมาถึงอีกฝั่งสิ่งแรกที่ทุกคนทำคือนั่งพักครับ ฮ่า ๆ เพราะต้องเดินขึ้นเนินเล็กน้อยมาที่จุดชมวิว ไฮไลต์ของ Funaoka Castle Ruins ก็คงจะเป็นเทวรูปพระแม่กวนอิมบนเขาและรถไฟ Mono Rail ที่ใช้ในการขึ้นไปด้านบน

ซึ่งที่กล่าวมานั้นอยู่ท่ามกลางซากุระกว่า 1000 ต้น (จินตนาการว่าเราอยู่ท่ามกลางชมไม้สีชมพูสลับขาว มีลมพัดทำให้กลีบดอกไม้ร่วง บวกกับอากาศเย็น ๆ เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เลยครับ) ส่วนตัวพวกเราเองนั้นไม่ได้ขึ้นไปถึงข้างบนเขาเพื่อชมเทวรูปพระแม่กวนอิม ได้แค่รอถ่ายภาพ Mono Rail เท่านั้น

ระหว่างทางกลับลงมาก็จะพบกับลานกิจกรรมกลางแจ้งย่อม ๆ ที่มีการกางเตนท์เปิดเป็นร้านค้าต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเลือกซื้ออาหารต่าง ๆ (แอบเจอร้านคนไทยด้วยนะครับ) อีกทั้งยังมีกิจกรรมแสดงโชว์ให้ได้ชมกันอีกด้วย พวกเรานั่งพักทานอาหารริมป่าก่อนที่จะเดินเท้ากลับไปยังสถานี Funaoka Station เพื่อกลับไปยังตัวเมือง Sendai
ก่อนกลับเรายังแวะชิมไอศกรีมซากุระและมัทฉะที่มาเปิดร้านบริเวณสถานีอีกด้วย

รถไฟ Mono Rail ถึงไปยังข้างบนเขาเพื่อชมเทวรูปพระแม่กวนอิม
รถไฟ Mono Rail
รถไฟ Mono Rail
สนามเด็กเล่นบริเวณเนินเขา

และเมื่อกลับถึง Sendai พวกเราตัดสินใจเดินเล่นในตัวเมืองกันต่อ พบว่าบรรยากาศช่วง Golden Hour ของเมืองนี้นั้นมีเสน่ห์และเอกลักษณ์สูงมาก ๆ (ภาษาช่างภาพเรียกว่าแสงโกงมาก) เราเดินไปจนถึงสวน Nishikicho Park อีกครั้งพบว่า ในช่วงก่อนค่ำก็มีผู้คนออกมานั่งปิกนิก เล่นกีฬา รวมถึงมาออกเดทคู่รักกันเยอะมาก ๆ ครับ เป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ เลย

สำหรับ Funaoka วันนี้ เราเดินไปประมาณ 22,000 ก้าว ระยะทางรวม 17 กิโลเมตรครับ

บรรยากาศช่วง Golden Hour ณ สวน Nishikicho Park
บรรยากาศเมือง Sendai ช่วง Golden Hour
บรรยากาศเมือง Sendai ช่วง Golden Hour
บรรยากาศเมือง Sendai ช่วง Golden Hour

ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงนี้นะครับ 😀
สามารถคอมเมนท์พูดคุยกันได้ด้านล่าง

ติดตามต่อ >> EP.02 <<

อุปกรณ์ถ่ายภาพในทริปนี้
Fujifilm XT-5 // XF16-80mm // XF 35mm
GoPro Hero 11
iPhone 12 Pro Max